วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทัศนศึกษา ณ พิพิธพัณฑ์จังหวัดอุดรธานี

การไปทัศนศึกษา ณ พิพิธภัณฑ์เมืองจังหวัดอุดรธานี


ของนักศึกษาปริญญาบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู หมู่8


มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี


วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2552


พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี (อาคารราชินูทิศ)

ชื่อพิพิธภัณฑ์ : พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : เทศบาลนครอุดรธานี

ผู้รับผิดชอบหลัก : สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี
โทรศัพท์ 042-325176-85

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่อาคารราชินูทิศ อาคารเก่าสมัยรัชกาลที่ 6
อยู่ริมถนนโพศรี ใกล้วัดโพธิสมภาร ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี









พิพิธภัณฑ์เมืองจังหวัดอุดรธานีตั้งอยู่ริมถนนโพศรี
ใกล้วัดโพธิสมภรณ์
ตัวอาคารสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2463
โดยดำริพระยาศรีสุริยราชวรรานุวัตร สมุหเทศาภิบาล 
สำเร็จราชการมณฑลอุดร คุณหญิง ข้าราชการ
พ่อค้าและประชาชนในจังหวัด 
เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนสำหรับโรงเรียนนารีอุปถัมภ์ 
สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2468 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามโรงเรียนขึ้นใหม่ว่า ราชินูทิศ
จึงเป็นชื่อเรียกอาคารหลังนี้สืบมา 



อาคารราชินูทิศได้ใช้เป็นอาคารสำนักส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง
 เมื่อพ.ศ. 2473และเมื่อปีพ.ศ. 2503 ใช้เป็นสำนักโครงการพัฒนาการศึกษา
ส่วนภู มิภาคจนต่อมาพ.ศ. 2516 ใช้เป็นอาคารสำนักงานศึกษาธิการเขต
เขตการศึกษา 9  
และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี
และในปีพ.ศ.2547 จังหวัดอุดรธานี
ได้มอบหมายให้เทศบาลนครอุดรธานี เป็นผู้ดูแลรักษา 
อาคารราชินูทิศเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่อด้วยอิฐถือปูน
 รูปทรงแบบตะวันตก หลังคาทรงปั้นหยา 
หน้าต่างโค้ง มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าซุ้มประตู
ปัจจุบันได้ปรับปรุงอาคารดังกล่าวนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี



ภายในจัดแสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับจังหวัดอุดรธานี


1. ห้องประชาสัมพันธ์และบริการ
ห้องนี้เป็นการนำให้รู้จักกับอาคารจำลอง
ของพิพิธภัณฑ์เมือง อุดรธานี และหอสูง 9 ชั้น
ซึ่งจะเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์
กลางน้ำในหนองประจักษณ์ที่เชื่อมต่อด้านหลัง
ของอาคารพิพิธภัณฑ์เมืองหลังนี้ โดยจะมีโครงการ
สร้างขึ้นในอนาคต ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม
อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี นอกจากนี้
จะมีแผนที่ แผนผังที่แสดงแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
ในจังหวัดอุดรธานี



2. ห้องพระประวัติพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
ผู้ตั้งเมืองอุดรธานี จัดแสดงอนุสาวรีย์และ
พระฉายาลักษณ์ พร้อมพระประวัติ
และพระกรณียกิจ แสดงของใช้ส่วนพระองค์
 แสดงหุ่นจำลองเมื่อครั้ง
การอพยพกำลังพลทหารจากเมืองหนองคาย
มาตั้งฐานทัพเป็นมณฑลอุดร
ที่บ้านเดื่อหมากแข้ง




3. ห้องธรรมชาติวิทยาและธรณีวิทยา
 แสดงสภาพทรัพยากรธรรมชาติของอุดรธานี
 ตลอดจนซากดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบในจังหวัดอุดรธานี จัดแสดงแหล่งที่พบ
ทรัพยากรธรรมชาติและตัวอย่าง
ทรัพยากรธรรมชาติที่
พบมากในจังหวัดอุดรธานี
ได้แก่ แร่โปรแตส ก๊าซธรรมชาติ


4. ห้องประวัติศาสตร์และโบราณคดี
แสดงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ 
และแสดงแหล่งโบราณคดี
ในจังหวัดอุดรธานี ได้แก่ ยุคก่อน
ประวัติศาสตร์ยุคแรก
 คือ แหล่งอารยธรรมบ้านเชียง
 แหล่งโบราณคดียุคประวัติศาสตร์
คือ แหล่งอารยธรรมที่
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
 และโบราณวัตถุศิลปะสมัยลพบุรี
พบที่วัดกู่แก้ว
และประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา
แสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์
และโบราณคดีที่ขุดค้นและพบ
ในเขตจังหวัดอุดรธานี


5. ห้องมานุษวิทยาและชาติพันธุ์
แสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคน
ที่อาศัยอยู่บริเวณ
จังหวัดอุดรธานีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
 อาทิ จำลองสภาพความเป็นอยู่
 บ้านเรือน เครื่องใช้ต่างๆ และกลุ่มชาติพันธุ์
ที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดอุดรธานี


6. ห้องประวัติศาสตร์และการพัฒนาเมืองของพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์
 กรมหลวงประจักษ์ ศิลปคม
แสดงภาพถ่ายโบราณและ
ภาพวาดของของพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์
กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
ที่สร้างเมืองอุดรธานี
บริเวณบ้านเดื่อหมากแข้ง


7. ห้องศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
 แสดงให้เห็นเกี่ยวกับ ศิลปวัฒนธรรม
ของชาวจังหวัดอุดรธานี
 ได้แก่ การทอเสื่อ การสร้างเรือน ศิลปการแสดง การทอผ้า ศิลปะบายศรีสู่ขวัญ


8. ห้องหลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน
ศรัทธาแห่งแผ่นดิน อริยสงฆ์ที่ปฏิบัติดี
ปฏิบัติชอบและเป็นที่เคารพ
ของชาวจังหวัดอุดรธานีและชาวไทย
 และแสดงนิทรรศการ
เกี่ยวกับพระอริยสงฆ์ เกจิอาจารย์ ของจังหวัดอุดรธานีและภาคอีสาน


9.ห้องพระประวัติพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
และห้องราชสกุลทองใหญ่
แสดงภาพสายราชสกุล ทองใหญ่



ภาพกิจกรรมการไปทัศนศึกษา 



วิทยากรผู้บรรยาย







 

















 


 






วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

นำเสนอแผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจัดการเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สระเสียงยาว เวลาเรียน ๑๒ ชั่วโมง

แผนการเรียนรู้ที่ ๑๔ เรื่อง สระโอ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง
..................................................................................................
สาระสำคัญ
การฝึกประสมสระเพื่อสะกดคำ เป็นพื้นฐานของการเรียนวิชา
ภาษาไทย สระโอเป็นสระเสียงยาวที่มีใช้กับคำทั่วไปในภาษาไทย

มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น (ตัวบ่งชี้)

มาตรฐาน : มฐ.ท. ๑.๑ , ๑.๒
๑.๑ สามารถอ่านและเข้าใจความหมายของคำที่อ่านได้ถูกต้องตาม หลักการอ่าน
๑.๒ สามารถเขียนคำได้ถูกต้องตามหลักการเขียน

จุดประสงค์การเรียนรู้

๑. นักเรียนอ่านคำที่ประสมสระโอในบทเรียนได้
๒. นักเรียนเขียนคำที่ประสมสระโอในบทเรียนได้
๓. นักเรียนร้องเพลงสระโอได้

สาระการเรียนรู้

๑. หลักการอ่านคำที่ประสมสระโอ
๒. หลักการเขียนคำที่ประสมสระโอ

กระบวนการจัดการเรียนรู้

ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
ให้นักเรียนฟังเพลงพาเหรดสระโอ พร้อมปรบมือเข้าจังหวะเพื่อสร้างความสนุกสนานและนำเข้าสู่บทเรียน

ขั้นสอน
๑. ให้นักเรียนอ่านใบความรู้เรื่องสระโอ ครูคอยอธิบายเสริม
๒. เปิดเพลงพาเหรดสระโอ ให้นักเรียนฟังและร้องตาม ๓-๔ รอบ
๓. เปิดเพลงพาเหรดสระโอ ให้นักเรียนอ่านและเขียนตามทีละท่อน
๔. ให้นักเรียนทำใบงาน
๕. แบ่งกลุ่มนักเรียน เล่นเกมผสมคำด้วยสระโอ

ขั้นสรุป
๑. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากบทเรียน
๒. นักเรียนและครูร่วมกันร้องเพลงพาเหรดสระโอ

สื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอน
๑. เพลงพาเหรดสระโอ
๒. หนังสือเรียนภาษาไทย ป.๑
๓. ใบความรู้เรื่องสระโอ
๔. บัตรพยัญชนะ
๕. บัตรสระ
๖. คอมพิวเตอร์
๗. โปรเจคเตอร์

การวัดและประเมินผล

เครื่องมือวัดผล
- งาน/คัดบทเรียน
- ใบงาน
- แบบสังเกตพฤติกรรม

วิธีวัด
- การตรวจงานจากสมุด/ใบงาน
- จากการสังเกตพฤติกรรม

เกณฑ์การประเมิน
- จากงาน/ตรวจสมุด/การสังเกตพฤติกรรม
ดีมาก = ๔
ดี = ๓
พอใช้ = ๒
ปรับปรุง = ๑

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

จัดป้ายนิเทศสื่อทางเสียง


งานจัดป้ายนิเทศ สื่อทางเสียง

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

งานถ่ายภาพ

นำเสนอภาพถ่าย




เส้นนำสายตา




ภาพสมดุลย์ที่ไม่เท่ากัน


สมดุลย์ที่เท่ากัน



เน้นด้วยกรอบภาพ



โคสอัพ




รูปแบบ








ลักษณะพื้นผิว




 น้ำหนักสี


วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สื่อทางเสียง

จัดทำโดย
นางสุธีรา มงคล
นางบัวสอน ชาวกล้า
นางธัญญธรณ์ แจคำ
นางสาวศิริรัตน์ สุวรรณ
นางสาวศุภัคษร พรหมสิทธิ์
นางสาวสุพรรษา คำพันธ์

.........................................

สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทักษะประสบการณ์จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อทางเสียงนับเป็นสื่อที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเรียนการสอนเนื่องจากเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ในการถ่ายทอดเสียงจากครูผู้สอน ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจมากกว่า การเห็นภาพเพียงอย่างเดียวการใช้สื่อทางเสียงช่วยใน
การจัดการเรียนการสอนจำเป็นต้องมือเครื่องมือประเภทโสตทัศนูปกรณ์เข้ามาร่วมด้วยเช่น เครื่องเสียง ไมโครโฟน โสตวัสดุ เช่นเครื่องเครื่องบันทึกเสียง เครื่องรับวิทยุ เครื่องเล่นแผ่นเสียง แผ่นเสียง เครื่องขยายเสียง เป็นต้นเครื่องเสียง เครื่องเสียงมีลักษณะที่เป็นอุปกรณ์ที่เป็นสื่อกลางหรือตัวผ่านใน การถ่ายทอดเนื้อหาประเภทเสียงจากมนุษย์และแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆให้มี
เสียงดังเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ได้ยินในระยะไกลและเพิ่มความดังของเสียงเพื่อ ให้ผู้ฟังจำนวนมากได้ยินอย่างชัดเจน

องค์ประกอบของเครื่องเสียงประกอบด้วยภาคสัญญาณเข้า(ไมโครโฟน)ภาคขยาย สัญญาณ ภาคสัญญาณออก (ลำโพง)
เครื่องเทปเสียง
เครื่องเทปเสียงเป็นอุปกรณ์ในภาคสัญญาณเข้า เพื่อบันทึกเสียงต่าง ๆ ลงบนแถบเทปโดยใช้การเคลื่อนที่ของแถบเทปผ่านหัวเทปซึ่งอาศัยหลักการเหนี่ยวนำของคลื่อนไฟฟ้าความถี่เสียง เมื่อบันทึกเสียงแล้วจะมีการนำมาเล่นเพื่อส่งไปยังภาคขยายสัญญาณและ
ถ่ายทอดเป็นคลื่นเสียงธรรมชาติให้ได้ยินต่อไปประเภทของเครื่องเทปเสียงเครื่องเทปเสียงแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทตามลักษณะของตลับเทป ได้แก่

1. แบบม้วนเปิด (open reel ) เป็นเทปบันทึกเสียงที่ให้คุณภาพเสียงดี เหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ เช่น เสียงดนตรี รายการวิทยุ เป็นต้น

2. แบบกล่อง ( cartridge ) หรือเรียกทับศัพท์ว่า “เทปคาทริดจ์” เป็นเทปที่บรรจุอยู่ในกล่องมีขนาดความกว้างแถบเทป ¼ นิ้ว พันเป็นวงปิดระหว่างวงล้อ 2 วงโดยจะมีการเล่นเทปวนซ้ำไปมาไม่รู้จบ เทปแบบนี้นิยมใช้งานสปอตวิทยุ

3. แบบตลับคาสเซต ( cassette ) เป็นเทปบันทึกเสียงที่อยูในตลับพลาสติกแบน เป็นแบบที่นิยมใช้กันทั่วไป มีขนาดความกว้างแถบเทป 1/8 นิ้ว

4. แบบตลับคาสเซตเล็ก ( micro cassette ) มีลักษณะเช่นเดียวกับเทปคาสเซตธรรมดาแต่บรรจุในตลับขนาดเล็กกว่า มีความยาวในการเล่นเพียง 15 นาทีเท่านั้น

การใช้งาน

เครื่องเทปเสียงจะมีขั้นตอนสำคัญในการใช้งาน 3 ลักษณะ

1. การบันทึกเสียง (record) เครื่องเสียงเทปไม่ว่าประเภทใดก้ตาม จะมีการบันทึกเสียงลงบนแถบเทปโดยอาศัยหลักการเดียวกัน คือ คลื่อเสียงที่ป้อนเข้าไมโครโฟนซึ่งเป้นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้าจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าความถี่เสียง แล้วขยายโดยเครื่องขยายเสียงให้กำลังแรงขึ้นเพื่อส่งไปยังหัวเทปซึ่งมีลักษณะเป็นขดลวดพันรอบแกนเหล็ก

2. การเปิดฟัง (play back) เป็นการนำแถบเทปที่มีการบันทึกเสียงแล้วในรูปของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามาเปิดฟัง โดยขณะที่แถบเทปเคลื่อนผ่านหัวเทปจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าความถี่เสียง แล้วส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียง

3. การลบเทป (erase) เป็นการลบเสียงที่บันทึกไว้แล้วโดยการให้แถบเทปเคลื่อนที่ผ่านหัวเทปหรือสนามแม่เหล็กที่มีกำลังสูง ซึ่งจะทำให้โมเลกุลแม่เหล็กบนแถบเทปถูกทำให้เป็นระเบียบใหม่และจะทำให้เสียงที่บันทึกไว้แล้วหายไป

ตัวอย่างสื่อทางเสียง

วิทยุ

วิทยุ เป็นสื่ออุปกรณ์สื่อสารในการรับส่งข่าวสารข้อมูลทางเสียงโดยใช้คลื่นแม่ เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย การใช้วิทยุเพื่อเป็นสื่อมวลชนเพื่อการศึกษาในประเทศไทยเริ่มมีตั้งแต่ปี พ.ศ.2497 โดยใช้วิทยุการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน ถ้าเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียนจะรียกว่า “วิทยุโรงเรียน” ถ้าเป็นการศึกษานอกระบบโรงเรียนจะเป็นในลักษณะของ “วิทยุไปรษณีย์” ซึ่งเราเรียกวิทยุในการศึกษานี้รวมกันว่า “วิทยุศึกษา”

การใช้วิทยุเพื่อการศึกษา

การใช้วิทยุเพื่อการศึกษาสามารถนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่

1.การสอนโดยตรง เป็นการใช้วิทยุเพื่อเป็นสื่อสอน โดย ตรงในบางวิชาหรือบางตอนของบทเรียน รายการวิทยุที่ใช้สอนจึงเป็นการเสนอเนื้อหาตามบทเรียนในหลักสูตร การบทเรียนทางวิทยุเพื่อการสอนโดยตรงนี้อาจใช้ได้ในสถานที่ ที่ขาดแคลนครู หรือครูผู้สอนอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นเพียงพอก็ได้จึงต้องใช้ รายการวิทยุแทน การสอนโดยใช้วิทยุสามารถกระทำได้ดังนี้

ก.ใช้เป็นเครื่องมือในการสอน โดยผู้สอนจะวางแผนการสอนโดยนำรายการวิทยุเข้าไว้ในกระบวนการสอนด้วย หรือการใช้วิทยุเป็นสื่อเข้ามามีบทบาทเพื่อสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งแทนผู้สอน โดยตรงในห้องเรียน ซึ่งผู้สอนจะต้องศึกษาจากตารางการออกอากาศที่กำหนดไว้เพื่อนำรายการนั้นมา
สอนให้ตรงกับเวลาของตน

ข.ใช้เป็นแหล่งการเรียนรู้ เป็นการบันทึกเสียงรายการวิทยุที่ใช้สอนบทเรียนต่างๆ ไว้ในเทปเสียง แล้วรวบรวมไว้ในห้องสมุด เพื่อให้ผู้เรียนสามารถขอยืมออกไปเปิดฟังและสึกษาด้วยตนเองเพื่อการเรียนรู้ หรืออาจใช้เพื่อการทบทวนบทเรียนและสอนเป็นกลุ่มย่อยก็ได้

ค.ใช้เป็นสื่อหลักในการในการศึกษาตามหลักสูตร ด้วยการจัดการสอนแก่ผู้เรียนในระบบการศึกษาแบบทางไกล โดยให้ผู้เรียนฟังรายการสอนจากวิทยุเป็นหลักแล้ศึกษาเพิ่มเติมจากสื่ออื่นๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์หรือการพบกลุ่ม เพื่อเสริมความรู้จากบทเรียนตามที่ได้ฟังมา

ง.เป็นสื่อเสริมในการศึกษาระบบเปิด ด้วยการใช้รายการวิทยุเป็นสื่อเสริมประเภทหนึ่งในระบบการศึกษาทางไกล โดยใช้ร่วมกับสื่ออื่นๆ เช่น โทรทัศน์หรือสิ่งพิมพ์เป็นต้น

จ.ใช้เป็นอุปกรณ์ในการฝึกอบรม เป็นการใช้รายการวิทยุหรือเทปบันทึกเสียงรายการนั้นๆ เพื่อการสอนหรือฝึกอบรมในหน่วยงาน

2.การเพิ่มคุณค่าในการสอน เป็น การใช้รายการวิทยุเพื่อปรุงแต่งและเสริมคุณค่าของการสอนในบางวิชาให้มี ประสิทธิผลสูงขึ้น โดยการเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรบทเรียนนั้นให้งเพื่อ ให้มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เรียนนั้นแตกฉานยิ่งขึ้น เช่น การสอนภาษาต่างประภาษาต่างประเทศโดยพูดจากเจ้าของภาษา การบรรเลงดนตรี เป็นต้น

วิทยุโรงเรียนคืออะไร

วิทยุ โรงเรียนเป็นสื่อการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นบริการสื่อเพื่อการศึกษา สำหรับโรงเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาทั่วประเทศ วิทยุดโรงเรียนเป็ยสื่อประสมกล่าวคือเป็นการใช้สื่วิทยุกระจายเสียง ประกอบกับสื่อสิ่งพิมพ์ คือ คู่มือการสอนของครู บัตรภาพ บัตรคำ สำหรับนักเรียนด้วยเนื้อหา ของบทเรียนวิทยุโรงเรียนได้จัดให้สอดคล้องกับเนื้อตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ปัจจุบันวิทยุโรงเรียนจัดทำบทเรียนรายวิชาต่างๆ สำหรับระรับประถมศึกาทุกกลุ่ม

ประวัติการดำเนินงานโครงการวิทยุโรงเรียน

ความเป็นมา กระทรวง ศึกษาธิการ ได้ดำเนินงานโครงการจัดตั้งบริการวิทยุกระจายเสียงเพื่อการศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 โครงการนี้มีนโยบายใช้วิทยุเป็นสื่อนำวิทยาการใหม่ๆ ทั้งนี้โดยกำหนดการจัดรายการเป็น 2 ภาค คือ
1. การกระเสียงภาคเพื่อความรู้ความบันเทิงแก่ประชาชนทั่วไป เรียกว่า ภาควิทยุเพื่อการศึกษา
ประชาขน

2. การ กระจายเสียงเพื่อการศึกษาในโรงเรียน เรียกว่า ภาควิทยุโรงเรียน เรียกว่า ภาควิทยุโรงเรียน
เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปีการศึกษา 2501 เป็นต้นมา

วิทยุโรงเรียนช่วยการเรียนการสอนได้อย่างไร

วิทยุ โรงเรียรจัดทำขึ้นเพื่อช่วยปรับปรุงและส่งเสริมคุณภาพการเรียนการสอนในห้อง เรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นบทเรียนวิทยุโรงเรียนช่วยสอนโดยตรงในบางวิชา และช่วยสาธิตการสอนในบางวิชา เพื่อให้แนวทางและเสนอแนะเทคนิคการสอนใหม่ๆ แก่ครู สำหรับนักเรียนวิทยุโรงเรียนช่วยนำประสบการณ์จากโลกภายนอกมาสู่ห้องเรียน ทำให้การเรียนการสอนมีชีวิตชีวาขึ้นนอกจากนี้วิทยุโรงเรียนยังเป็นสื่อการ สอนที่เป็นประโยชน์มากสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก หรือโรงเรียนที่ขาดครูเฉพาะบางวิชาอีกด้วย

สำหรับครู

บทเรียนวิทยุโรงเรียนช่วยการสอนในห้องเรียนของครูตามแนวหลักสูตรใหม่ รวมทั้งช่วยเสริมเนื้อหาของหลักสูตรให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ครูผู้สอนให้แนวคิด และเทคนิคการสอนแปลกๆ ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เพื่อนำไปปรับปรุงการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นวิทยุโรงเรียนช่วยครูสอนได้ในวิชาที่ถนัด หรือมีประสบการณ์น้อ เช่น วิชาดนตรีและนาฏศิลป์ ภาษา

สำหรับนักเรียน

บทเรียนโรงเรียนมีกิจกรรมโรงเรียนที่เร้าความสนใจของนักเรียนทำให้นักเรียนสนุกสนานกับบทเรียนวิทยุโรงเรียนมีเทคนิคการสอนที่ช่วยนักเรียนเข้าใจเนื้อหาบทเรียนง่ายขึ้น และเกิดความคิดรวบยอดที่ถูกต้องช่วยนำประสบการณ์ใหม่ๆ จากโลกภายนอกมาสู่ห้องเรียนช่วยให้นักเรียนมีความรู้ทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน